Error message

Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

ขึ้นฉ่าย-กระเทียม ลดความดัน ป้องกันโรคหลอดเลือด

-A +A

           สองปีที่ผ่านมา คนในครอบครัวของผู้เขียนสองคนต้องเผชิญกับโรคหลอดเลือดสมองตีบ คนหนึ่งคือพ่อ อยู่ๆ ก็เกิดอาการแขนซ้ายอ่อนแรง ลิ้นแข็งพูดไม่ชัด ส่วนอีกคนหนึ่งคือน้องเขย ชาร่างกายซีกซ้ายทั้งหมดตั้งแต่ใบหน้าลงไปจนถึงเท้า ทั้งสองกรณีแพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากเส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน นับว่ายังโชคดีที่อาการดังกล่าวเป็นอยู่เพียงชั่วคราว เมื่อรักษาแล้วอาการนั้นก็หายไป ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต สัญญาณเตือนดังกล่าวทำให้ต้องหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น รวมทั้งต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิดอาการขึ้นอีก

           ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันคือความดันโลหิตสูง น้องเขยของผู้เขียนเคยมีความดันโลหิตสูงถึง ๒๐๐/๙๐ ม.ม.ปรอท เมื่อเทียบกับความดันของคนปกติจะไม่เกิน ๑๒๐/๘๐ ม.ม.ปรอท นับว่าสูงมาก เมื่อเกิดอาการหลอดเลือดสมองอุดตันชั่วคราวและอาการดีขึ้นแล้ว ต้องกินยาลดความดันเป็นประจำ แต่ความดันก็ยังสูงประมาณ ๑๓๐-๑๔๐/๙๐ และยังคงมีอาการตื้อๆ มึนๆ ศีรษะ ชาตามปลายมือปลายเท้าอยู่บ่อยๆ จึงคิดหาทางเลือกอื่นๆ ในการดูแลเรื่องลดความดัน จนได้คำแนะนำจาก คุณสันติสุข โสภณสิริ แพทย์แผนไทยประจำคลินิกการแพทย์แผนไทย มูลนิธิสุขภาพไทย ให้กินน้ำขึ้นฉ่ายปั่นเพื่อลดความดัน และกินกระเทียมเพื่อช่วยให้ผนังหลอดเลือดทั้งระบบ (รวมทั้งเส้นเลือดสมอง) มีความเหนียว ยืดหยุ่น ไม่แตกเปราะง่าย เลือดจะได้ไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งถ้าหากดูแลสองปัญหานี้ได้จะช่วยลดอาการเส้นเลือดตีบให้น้อยลงได้

           คุณสันติสุขให้สูตรสำหรับทำน้ำขึ้นฉ่ายปั่นไว้ดังนี้ค่ะ

  • ใช้ขึ้นฉ่าย ๕-๑๐ กรัม สำหรับคนที่มีน้ำหนักไม่เกิน ๖๐ กิโลกรัม หากน้ำหนักเกิน ๖๐ กิโลกรัม ให้ใช้ ๑๕-๒๐ กรัม
  • ผสมรากผักชีและขิง เพื่อไม่ให้มีฤทธิ์เย็นจากขึ้นฉ่ายมากเกินไป รวมทั้งช่วยย่อยและขับลมในกระเพาะ ให้ใส่ในปริมาณที่เราจะรับรสชาติและกลิ่นของสมุนไพรได้ 
  • ใส่เก๋ากี้ ๑ ช้อนโต๊ะ สำหรับคนที่มีน้ำหนักไม่เกิน ๖๐ กิโลกรัม หากน้ำหนักเกิน ๖๐ กิโลกรัม ให้ใช้ ๒ ช้อนโต๊ะ เก๋ากี้จะช่วยลดไขมันในเลือด บำรุงกำลัง บำรุงสายตา ตับ ไต ปอด ให้แข็งแรง
  • ผสมน้ำเปล่าประมาณ ๑/๓ – ๑/๒ แก้ว กะปริมาณให้ปั่นรวมกันแล้วได้ ๑ แก้ว พอดี

           ปั่นส่วนผสมดังกล่าวเข้าด้วยกัน กินวันละ ๔ ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ สูตรที่ให้ไปนี้สำหรับ ๑ แก้ว ถ้าต้องการสะดวกสามารถปั่นครั้งเดียวโดยเพิ่มปริมาณตามสัดส่วน และเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาฤทธิ์ยา ถึงเวลาค่อยนำออกมากินทีละแก้ว ควรกินให้ครบ ๔ มื้อ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการลดความดัน หากใครไม่คุ้นชินกับกลิ่นของขึ้นฉ่ายและสมุนไพรประกอบอื่นๆ สามารถเพิ่มผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล สาลี่ ชมพู ฝรั่ง ได้ตามชอบ เพื่อให้รสชาติดีขึ้น แต่ปริมาณการกินแต่ละมื้อก็จะมากตามไปด้วย เพราะต้องกินขึ้นฉ่ายตามปริมาณที่กำหนดให้ครบทุกมื้อ ห้ามลดลง แม้จะเพิ่มผลไม้อื่นก็ตาม

           ขึ้นฉ่ายเป็นผักที่มีสรรพคุณทางยามากมาย มีโพแทสเซียมสูง ช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยในการทำงานของระบบหมุนเวียนต่างๆ ในร่างกาย ช่วยลดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดได้ด้วย อย่างไรก็ตาม คุณสันติสุขกล่าวถึงข้อควรระวังของขึ้นฉ่ายคือเป็นยาขับปัสสาวะ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของยาลดความดันโดยทั่วไป หากกินเกินขนาดจะทำให้เสียน้ำและเกลือแร่ได้ แต่จากการทดลองในผู้แพ้ยาลดความดันแผนปัจจุบัน และต้องใช้ยาควบคุมความดันตลอดชีวิต พบว่าการกินขึ้นฉ่ายปริมาณดังกล่าวทุกวันไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย แต่ผู้ที่มีความดันต่ำไม่ควรกินขึ้นฉ่ายมากเกินไป

 

           ส่วนวิธีการกินกระเทียมอย่างถูกต้องทั้งปริมาณและคุณภาพ คุณสันติสุขแนะนำให้เคี้ยวกระเทียมสดกลีบเล็กครั้งละ ๕ กลีบ หรือกระเทียมโทน ๑-๒ เม็ด พร้อมอาหาร ๓ มื้อทุกวัน ไม่ควรใช้กระเทียมจีนที่กลีบใหญ่ๆ เพราะไม่มีสรรพคุณทางยา การกินกระเทียม ๓ มื้อดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ (ยกเว้นอาจทำให้มีกลิ่นกระเทียมติดปาก) และมีปริมาณมากพอที่จะแสดงสรรพคุณ แต่ต้องกินให้ถูกวิธี คือ ห้ามกินตอนท้องว่างหรือเคี้ยวกระเทียมเปล่าๆ เพราะจะกัดกระเพาะ ควรเคี้ยวกระเทียมพร้อมกันกับข้าวหรืออาหารที่เป็นแป้งและต้องเคี้ยวให้ละเอียดมากๆ ให้กระเทียมคลุกเคล้ากับข้าวก่อนที่จะลงกระเพาะจะให้ผลดีกว่าเคี้ยวกระเทียมเดี่ยวๆ เพราะสารที่เป็นฤทธิ์ยาจะออกตอนที่ผสมกับแป้งและน้ำลาย สังเกตว่าตอนเคี้ยวละเอียดจะมีรสซ่าๆ แสบๆ ที่ฟัน นั่นคือสารที่เป็นฤทธิ์ยา ยิ่งเคี้ยวให้ละเอียดเท่าไรก็จะละลายฤทธิ์ยาออกมาได้มากเท่านั้นและดีกว่าการให้ไปย่อยในกระเพาะอาหาร

           คนปกติก็ควรจะกินกระเทียมพร้อมข้าวทุกมื้อโดยไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน เพราะจะช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยให้เส้นเลือดยืดหยุ่นดี เมื่อเส้นเลือดแข็งแรง ระบบไหลเวียนเลือดโดยรวมก็จะดี เป็นการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดได้ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้น น้องสาวของผู้เขียนปกติเวลากินข้าวมักรู้สึกท้องอืด บวมๆ เหมือนการย่อยไม่ดี เมื่อลองกินกระเทียมเป็นประจำ อาการท้องอืดก็หายไป กินข้าวเยอะแค่ไหนท้องก็ไม่อืด รู้สึกได้เลยว่าระบบการย่อยและการดูดซึมอาหารดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

           ส่วนน้องเขยหลังจากที่กินกระเทียมและปั่นน้ำขึ้นฉ่ายกินเป็นประจำ แม้จะกินได้เพียง ๓ มื้อ ไม่ครบตามคำแนะนำ ๔ มื้อ เขาก็รู้สึกถึงประสิทธิภาพที่น่ามหัศจรรย์ได้ตั้งแต่กินครั้งแรก คือรู้สึกว่าร่างกายสดชื่นขึ้น จากปกติศีรษะจะตื้อๆ มึนๆ ก็โล่ง เมื่อกินน้ำขึ้นฉ่ายต่อเนื่องทุกวัน ความดันจาก ๑๘๐-๒๐๐/๙๐ ก็ค่อยๆ ลดมาที่ ๑๓๐ /๘๐ ซึ่งหากสามารถจัดสรรให้กินได้ครบ ๔ มื้อ เชื่อว่าความดันคงจะลดลงสู่ภาวะปกติได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาก็พอใจอย่างมากเพราะตั้งแต่กินสองอย่างนี้เป็นประจำ เขาไม่มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้าและมึนศีรษะอีกเลย แถมยังรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่ากว่าตอนที่กินยาลดความดันเสียอีก

           ใครที่มีปัญหาความดันสูง ลองหันมาใช้สมุนไพรอย่างขึ้นฉ่ายและกระเทียมดูบ้าง เผื่อจะช่วยให้คุณภาพชีวิตที่ต้องอยู่กับโรคประจำตัวอย่างความดันนี้ดีขึ้น แถมยังป้องกันการเกิดโรคร้ายแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดต่างๆ ทั้งหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ลดความเสี่ยงในการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ.

 

 

คอลัมน์:

ผู้เขียน:

คำสำคัญ: