Error message

  • Deprecated function: Methods with the same name as their class will not be constructors in a future version of PHP; views_display has a deprecated constructor in require_once() (line 3066 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/bootstrap.inc).
  • Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

จันทราภาวนา

-A +A

         ปลายปีที่แล้วผู้เขียนมีโอกาสเข้าร่วมการอบรม “นพลักษณ์กับการปฏิบัติธรรม” กับท่านอาจารย์สันติกโร จัดโดยมูลนิธิโกมลคีมทอง มีอยู่คืนหนึ่งตอนหัวค่ำ ขณะออกจากห้องพักกำลังเดินเข้าห้องประชุม ก็ต้องหยุดชะงักเพราะต้องมนต์จันทราในคืนพระจันทร์เต็มดวง จันทร์กลมโตเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าได้ไม่นาน จึงส่องแสงสีเหลืองทองทาทาบท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม งดงามฉ่ำเย็นจนสะกดให้หญิงสาวผู้หลงรักดวงจันทร์อย่างผู้เขียนมิสามารถก้าวเท้าเดินต่อไปได้ ต้องหยุดชื่นชมแสงจันทร์โดยหวังอยู่ลึกๆ ว่า ถ้าได้อาบแสงจันทร์บ่อยๆ จะกลายเป็นสาวสองพันปีเข้าสักวัน (ฮา)

         เมื่อเริ่มการอบรมภาคค่ำ อาจารย์สันติกโรซึ่งท่านคงต้องมนต์จันทราเช่นเดียวกับผู้เขียนก็แนะนำว่า เราสามารถใช้แสงจันทร์มาเป็นสื่อสำหรับการภาวนาและเยียวยาจิตใจได้ โดยให้ปฏิบัติดังนี้ค่ะ

  • เมื่อใดก็ตามที่เห็นพระจันทร์บนท้องฟ้าแล้วรู้สึกว่างดงามจับตา ให้เฝ้ามองดวงจันทร์และซึมซับความงดงามของแสงจันทร์นวลเข้ามาอยู่ในใจ
  • ปล่อยใจให้ดื่มด่ำกับความงามนั้นจนรู้สึกว่าอิ่มใจเพียงพอ และเก็บความงดงามนั้นไว้ในใจ
  • เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกเบื่อ เหงา เศร้า เครียด หรือจิตตก ให้หลับตานึกถึงภาพของดวงจันทร์ที่เราเคยประทับใจ จินตนาการนึกถึงภาพที่งดงามนั้นราวกับว่าเราได้เห็นด้วยตาตัวเองอีกครั้ง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเยียวยาจิตใจที่ห่อเหี่ยวให้กลับฟื้นตื่นขึ้นมาสดชื่นได้อีกครั้ง

         คืนนั้น หลังเลิกการอบรมราวสามทุ่ม ผู้เขียนเดินกลับที่พักและได้แหงนหน้ามองจันทร์เพ็ญอีกครั้ง ครานี้เธอลอยขึ้นไปอยู่กลางฟ้าจนขนาดเล็กลงกว่าตอนหัวค่ำ แสงสีเหลืองทองกลับกลายเป็นสว่างขาวนวลสวยงามไปอีกแบบ จึงได้หยุดยืนมองเธอนิ่งๆ นานๆ เก็บภาพจันทราที่งดงามต่างเวลาเข้าไปไว้ในลิ้นชักความทรงจำอย่างสุขใจ

         คืนต่อมาก็ได้ใช้วิชาที่อาจารย์เพิ่งสอนไปสดๆ ร้อนๆ ทันที ผู้เขียนขึ้น Panel สัมภาษณ์ และได้เล่าเรื่องราวบางอย่างที่สะกิดปมในใจขึ้นมา ทำให้รู้สึกผิดมากๆ จนเลิกอบรมก็ยังร้องไห้ไม่หยุด จึงได้ออกมาเดินจงกรมท่ามกลางแสงจันทร์ เดินไปร้องไห้ไปใจก็ยังฟุ้งซ่านวนเวียนอยู่กับความรู้สึกผิด แต่อยู่ๆ ก็นึกถึงคำสอนของอาจารย์ว่าเราสามารถใช้ความงดงามของดวงจันทร์มาเยียวยาจิตใจได้ จึงหยุดเดินและแหงนหน้ามองดวงจันทร์ในคืนแรม ๑ ค่ำ ซึ่งงดงามยิ่งกว่าคืนวันเพ็ญในความรู้สึกของผู้เขียน ได้ยืนเฝ้ามองเธอนิ่งๆ นานๆ และซึมซับความงามของแสงจันทร์เข้ามาไว้ในใจ

         แล้วผู้เขียนก็หลับตาจินตนาการต่อว่า แสงจันทร์นวลที่อยู่บนท้องฟ้าได้แผ่เป็นลำแสงสีขาวลงมาอาบรดร่างกายเรา ตั้งแต่ศีรษะเรื่อยมาจนถึงปลายเท้า แสงขาวนวลฉ่ำเย็นนั้นได้ปัดเป่าความทุกข์ เศร้า หม่นหมองที่เกาะกุมใจอยู่ออกไปทีละนิดๆ แล้วจู่ๆ ลำแสงก็กลับกลายเป็นมือของสามีผู้เป็นที่รักมาลูบศีรษะ ลูบหน้า และปลอบโยนจนความรู้สึกผิดในใจมลายหายไปในทันที ชั่ววินาทีนั้น ผู้เขียนสัมผัสถึงใจที่โปร่งเบา น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มหยุดลงได้ในทันที เมื่อรู้สึกสบายใจแล้วจึงได้ยืนสงบนิ่งอีกสักพัก และลืมตาขึ้นขอบคุณจันทราที่มาช่วยเยียวยาใจให้ผ่องใสขึ้นอีกครั้ง

         ก่อนนอนคืนนั้น ผู้เขียนได้นอนทำจันทราภาวนาอีกครั้ง จนระลึกได้ว่า ความจริงในลิ้นชักความทรงจำของตัวเอง มีภาพดวงจันทร์ที่ประทับใจจากหลากที่หลายเวลาอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพจันทร์เพ็ญที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาระหว่างภูเขาสองลูกเมื่อครั้งไปเที่ยวน้ำตกทีลอซู จ.ตาก ภาพพระจันทร์กลางทะเลเกาะมันนอก จ.ระยอง เมื่อครั้งไปฮันนีมูนกับสามี ภาพพระจันทร์ตกน้ำที่ทะเลก้นอ่าว ระยอง เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษา แถมยังเคยนอนเฝ้ามองพระจันทร์เคล้าเสียงเพลงที่เกี่ยวกับดวงจันทร์ตั้งแต่หัวค่ำจนพระจันทร์ตกน้ำตอนตีสี่ครึ่ง ที่ริมหาดแม่น้ำโขงใกล้ๆ หลวงพระบาง และที่ประทับใจมากๆ คือภาพแสงจันทร์ฉาบทาภูเขาน้ำแข็งในเทือกเขาหิมาลัยที่เนปาล แสงจันทร์ส่องกระทบหิมะเป็นประกายสีเงินยวง งดงามจับใจนึกถึงทีไรก็ยิ้มอิ่มใจทุกคราไป 

         จะว่าไปผู้เขียนก็เคยได้อานิสงส์จากจันทราช่วยเยียวยาจิตใจมาแล้วตั้งแต่ครั้งยังเป็นวัยรุ่น จำได้ว่าค่ำวันนั้นโกรธอะไรใครไม่รู้ รู้แต่ว่าโกรธมากๆๆๆๆๆ จนต้องหนีขึ้นไปบนดาดฟ้า เมื่อเดินขึ้นไปถึงก็ตกตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้าและสงสัยว่านี่พระอาทิตย์หรือพระจันทร์กันแน่ เนื่องจากมันมีสีแดงอมส้มเหมือนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เมื่อตั้งสติได้ว่าตอนนี้ค่ำแล้ว ฉะนั้นต้องเป็นพระจันทร์สิ แต่เป็นพระจันทร์สีเลือดดวงโต งดงามแปลกตาจนต้องยิ้มออกมา ความโกรธเมื่อครู่หายวับไปเพราะมนต์จันทราปัดเป่าจนใจเบาสบาย ได้ชื่นชมกับแสงจันทร์แดงจนเต็มอิ่ม และเก็บไว้ในความทรงจำจนถึงทุกวันนี้

         นับแต่นี้ เมื่อมองไปบนท้องฟ้าและเห็นจันทราเมื่อใด ไม่ว่าจะเป็นจันทร์เพ็ญหรือจันทร์เสี้ยว จะอยู่ในเมืองหรือในชนบทตามป่าตามเขา ให้เราลองเฝ้ามองเธอสักนิด พินิจพิจารณาเธอสักหน่อย เพื่อเก็บความงดงามไว้เยียวยาหัวใจในยามอ่อนล้า หรือเติมเต็มความสุขที่มีอยู่แล้วให้เต็มเปี่ยมยิ่งขึ้นอีก เชื่อเถอะว่าจันทรานั้นมีมนต์ขลังเสมอค่ะ.

 

คอลัมน์:

ผู้เขียน: