Error message

Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

สนทนากับผู้ป่วย - รักษาใจในยามใกล้ตาย

-A +A

          ตอนนี้ลูกหลานมาช่วยให้กำลังใจโยม อาตมาก็มาให้กำลังใจโยมด้วยเช่นกัน ตอนนี้ร่างกายของเราพยายามอยู่แล้วที่จะสู้กับความเจ็บป่วย แต่ว่าอย่าปล่อยให้เป็นเรื่องของกายอย่างเดียว ใจของเราก็สำคัญเหมือนกันในการสู้กับความเจ็บป่วย ถ้าทำใจดีๆ นึกถึงสิ่งที่ดีๆ เป็นบุญกุศล ก็จะช่วยให้ทุกขเวทนาผ่อนคลายลงได้

          ขอให้โยมนึกถึงสิ่งที่ดีๆที่โยมได้เคยบำเพ็ญมา อย่างเช่น โยมชอบทำบุญ การทำบุญนี้แหละเป็นความดีที่อยากให้โยมนึกถึงเอาไว้เสมอ ๆ โยมชอบสร้างพระพุทธรูป ก็ขอให้ระลึกถึงพระพุทธรูปที่โยมได้ถวายแก่วัดต่างๆ เวลาเกิดทุกขเวทนาก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปที่โยมได้สร้างถวายให้แก่พระศาสนา นึกถึงพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่โยมได้ถวาย พยายามนึกและจำให้ประทับแน่นในใจ เพราะว่าเวลาที่เห็นพระพุทธรูปท่านยิ้มด้วยเมตตา รอยยิ้มและความเมตตาของพระพุทธเจ้านี้แหละที่จะช่วยทำให้เราเกิดกำลังใจที่ จะเอาชนะทุกขเวทนาได้ ในยามนี้พระพุทธรูปที่โยมสร้างถวายจะมาช่วยโยม มาเป็นที่พึ่งของโยมได้ จึงขอให้นึกถึงพระพุทธองค์อยู่บ่อยๆ เวลารู้สึกตัวแม้จะไม่เจ็บไม่ป่วยก็นึก ก่อนจะหลับก็นึก ตื่นขึ้นมาจำได้เมื่อไหร่ก็นึกถึงพระพุทธรูปที่โยมได้สร้างถวาย แล้วความเมตตากรุณาของพระองค์ รวมทั้งความปีติอิ่มเอิบจากการที่โยมได้ทำบุญเอาไว้จะช่วยให้โยมมีกำลังใจ

          บุญกุศลที่โยมได้ทำไว้มีมากมายที่ควรจะภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะสร้างพระไตรปิฎก สร้างศาลา สร้างห้องน้ำ สร้างกุฏิให้แก่พระสงฆ์ ทั้งหมดนี้เป็นบุญกุศลที่มีอานิสงส์มาก บุญเหล่านั้นไม่ไปไหน แต่อยู่ที่ใจของโยมแล้วล่ะ อยู่ที่ใจถ้าไม่นึกถึงก็มีประโยชน์น้อยลง ก็ขอให้นึกถึงบุญกุศลไว้ด้วย จะช่วยให้โยมมีความมั่นใจ จะไม่กลัวว่าข้างหน้าจะมีอะไร เพราะว่าบุญกุศลนี้แหละที่รอเราอยู่ข้างหน้า พระพุทธเจ้าตรัสว่าบุญกุศลเหมือนกับญาติพี่น้องที่เราจากไป เวลาเรากลับไปหาญาติพี่น้อง ญาติพี่น้องก็ต้อนรับด้วยความดีใจที่เราได้กลับมา บุญกุศลก็คอยต้อนรับเราอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นโยมไม่ต้องกลัวข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะข้างหน้ามีบุญกุศลคอยรับรองต้อนรับอยู่ ขอให้โยมมั่นใจในความดีที่ได้ทำไว้ ความมั่นใจจะทำให้โยมไม่มีอะไรต้องกลัวข้างหน้า

          ขอให้โยมภูมิใจว่าตั้งแต่เราได้มีชีวิตเกิดมาเป็นมนุษย์เราได้ทำความดีไว้มากมาย ในฐานะพุทธศาสนิกชน เราก็ได้ทำบุญอุปถัมภ์บำรุงพระศาสนา ในฐานะที่เป็นลูก เราก็เป็นลูกที่ดีของแม่ของพ่อ ได้ทำความดีตอบแทนผู้มีพระคุณ อันนี้เป็นเรื่องที่เราควรภาคภูมิใจ นอกจากนั้นโยมยังได้ทำความดีในฐานะที่เป็นพ่อ ได้เลี้ยงลูกให้เติบโต ไม่ใช่เติบโตแต่ร่างกาย แต่ว่าเติบโตทางจิตใจด้วย ให้เขาได้รู้จักคุณงามความดีและมีความรู้สามารถที่จะเลี้ยงตัวเองได้จนเราไม่ต้องกังวล แล้วเขาก็ยังทำความดี ได้รู้จักพุทธศาสนา ได้ช่วยนำพากันอุปถัมภ์ค้ำจุนพุทธศาสนา อันนี้ก็เป็นเรื่องที่โยมควรจะภาคภูมิใจ ในฐานะที่เราเป็นพ่อก็คงไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจยิ่งกว่าได้ทำบุญกับลูกๆ ให้ลูกเขาได้เป็นคนดีจนกระทั่งตอนนี้โยมก็หายห่วงได้แล้ว ความดีเหล่านี้ขอให้โยมระลึกถึงอยู่เสมอๆ เพราะว่าความภาคภูมิใจนี้แหละที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นความเจ็บความปวดต่างๆ ไปได้

          นอนอย่างนี้อย่าไปห่วงว่าตัวเองว่าจะอยู่อย่างไร อย่าไปนึกกลัวว่าจะอยู่คนเดียว ลูกๆ รวมทั้งภรรยาและญาติมิตรจะอยู่ข้างๆ โยม คอยเป็นกำลังใจให้โยม อย่าไปห่วงอย่าไปกลัวว่าเราจะเป็นภาระให้แก่เขา ลูกๆ หลานๆ ภรรยาเขามีความภูมิใจที่ได้อยู่ช่วยเหลือข้างๆ โยม อย่าไปกลัวว่าเขาจะทิ้งเรา อันนี้ไม่มีหรอก เขาจะอยู่กับเรา จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับโยม ขอให้มั่นใจได้ อย่าไปห่วงว่าตัวเองจะเป็นภาระแก่ใคร หรือกลัวว่าจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เราได้ทำความดีมาเยอะแล้ว ตอนนี้ความดีกำลังตอบสนอง ลูกหลานและภรรยากำลังมาช่วยกันดูแล พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา

          แม้จะเจ็บจะปวดอย่างไร ก็อย่าถือว่ากำลังใช้กรรม ให้คิดว่าในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่เรายังสามารถที่จะสร้างกรรมดีได้ อย่าไปคิดว่าเราต้องมาอยู่อย่างทุกข์ทรมานเพื่อใช้กรรม อย่ารู้สึกทดท้อเบื่อหน่าย ให้คิดว่าทุกขณะที่เรามีลมหายใจหมายถึงโอกาสที่เราจะยังทำความดีได้ แม้กำลังนอนเจ็บอยู่เราก็มีโอกาสทำความดีได้ ไม่ใช่ว่าทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ใช่ว่ากำลังมาอยู่แบบใช้กรรม ทุกขณะที่มีลมหายใจคือโอกาสที่จะสร้างความดี อย่างโยมอยู่อย่างนี้ก็ยังสามารถทำบุญได้เยอะ อย่างคราวที่แล้วโยมก็ได้ทำบุญด้วยการให้ทาน สร้างห้องน้ำให้กับวัด และตอนนี้ที่วัดกำลังสร้างห้องน้ำที่โยมได้ถวายให้ ใกล้จะเสร็จแล้ว เสร็จเมื่อไหร่ก็จะมาบอกให้โยมได้รู้

          บุญกุศลเหล่านี้โยมสามารถทำได้ทุกขณะที่มีลมหายใจ เพราะฉะนั้นอย่ารู้สึกท้อแท้ อย่ารู้สึกเบื่อหน่าย อย่าคิดว่าตอนนี้กำลังเป็นภาระแก่ใคร โยมไม่ได้เป็นภาระแก่ใครเลย ไม่เป็นภาระแม้กระทั่งแก่ตัวโยมเอง เพราะว่าโยมยังสามารถทำความดีได้ด้วยการให้ทาน แม้ว่าจะใส่บาตรไม่ได้ แต่ก็ยังสามารถอุทิศสมบัติที่ตนมี เพื่อเป็นบุญกุศลได้ โยมยังสามารถทำความดีได้ด้วยการรักษาใจให้ปกติ อยู่กับความทุกข์แต่ว่าสามารถที่จะอาศัยทุกข์นี้แหละมาเป็นเครื่องสอนใจเรา ให้ระลึกว่าขณะนี้ความทุกข์กำลังบอกกับเราว่าสังขารนี้มันไม่น่าเอาไม่น่ายึด ถ้ายึดมันก็เป็นทุกข์ พิจารณาอย่างนี้ดูก็ได้ว่าทุกขณะธรรมะกำลังแสดงให้เราได้เห็นจากสังขารที่กำลังเป็นอยู่

          สังขารนี้เขาได้รับใช้เรามาช้านานแล้ว เราจะไปไหนเขาก็เดินเหินให้เรา เราจะกิน เขาก็หาของมาตักใส่ปากให้เรากิน เขาช่วยเราหลายอย่างแล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังช่วยเราอีกอย่างหนึ่งก็คือแสดงธรรมให้เราเห็นว่าสังขาร นี้มันไม่น่าเอา ไม่น่ายึดถือ ที่ผ่านมาเราใช้สังขารนี้มามากแล้ว ถ้าถึงเวลาเขาจะไม่อยากอยู่กับเรา ก็ต้องปล่อยไป อย่าไปยึด ถ้าเขาไม่อยากอยู่กับเราหรือถึงเวลาที่เขาต้องไปก็ให้เขาไป ถ้าเราจะยึดเอาไว้ ก็เป็นทุกข์ ถ้าเราอยากจะยึดอยากจะให้เป็นตามใจเรา เราก็จะเจ็บปวด ขอให้ลองมองความเจ็บปวดของสังขารว่า เขากำลังจะมาสอนมาบอกเราว่าอย่าไปยึด ให้ปล่อยวาง ถ้าโยมพิจารณาอย่างนี้แล้วก็เป็นบุญได้เหมือนกัน

          ทุกลมหายใจเข้าออกของโยมเมื่อคิดไปทางที่ดี คิดในทางที่เป็นกุศล เช่นนึกถึงบุญกุศลที่โยมได้ทำเอาไว้ แล้วเกิดความปีติสบายใจ อันนั้นแหละคือบุญ นอนอย่างนี้ก็ยังทำบุญได้ เพียงแค่รักษาใจให้เป็นบุญให้เป็นกุศลและรู้จักปล่อยกับวาง อันนี้โยมก็ทำได้ ทำแล้วจิตจะสงบ ความทุกข์จะลดน้อยลง

          นอนอยู่อย่างนี้เรายังทำบุญได้อีกอย่างคือแผ่เมตตา เมตตาให้แม้กระทั่งเจ้ากรรมนายเวร นอกจากขอขมาเขาแล้ว ก็ให้อโหสิแก่เขาด้วย เจ้ากรรมนายเวรถ้ามี ก็ขอให้เขาได้ประสบกับความสุขได้ไปสู่สุคติ อย่าไปมีความโกรธความเกลียดเขา ให้เราคิดเสียว่าความเจ็บความปวดที่เกิดขึ้นมันเป็นการชดใช้หรือชดเชย ที่เราอาจจะล่วงเกินเขาไว้ บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเราได้ล่วงเกินใครไปบ้าง อาจจะทำให้เขาเจ็บปวด ก็ถือว่าความเจ็บความปวดของเรานี้ มันไม่ได้เจ็บปวดเปล่าๆ แต่มันเป็นการชดใช้หรือชดเชยที่เราอาจจะล่วงเกินเขาไป ให้คิดว่าความเจ็บปวดนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แต่มีเพื่อจะช่วยไถ่ถอนเราให้พ้นจากภาระเครื่องผูกพันทั้งหลาย ถ้าปฏิบัติอย่างนี้ได้ใจก็เป็นบุญ

          พยายามนึกถึงสิ่งที่ดีงามเอาไว้ อย่าไปนึกถึงสิ่งที่ขุ่นข้องหมองใจ แม้ว่าจะมีบางคนทำให้เราขุ่นข้องหมองใจก็ให้อโหสิกรรม อย่าให้ความขุ่นข้องหมองใจติดค้างอยู่ในจิตใจ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องละวางสิ่งเหล่านี้ออกไปจากจิตใจของเรา เหมือนกับเรากำลังเดินขึ้นเขา ควรเดินให้ตัวเบาที่สุด ขอให้นึกว่าโยมกำลังจะเดินขึ้นเขา ข้างบนนั้นมีพระพุทธรูป จะไปสักการะบูชาพระพุทธรูปข้างบนก็ต้องเดินให้ตัวเบา แบกของไปให้น้อยที่สุด จะได้ไม่เหนื่อย ตอนนี้โยมกำลังจะเดินทางไปสู่ภพใหม่ ก็ขอให้เดินด้วยใจที่เบาที่สุด ความขุ่นข้องหมองใจทั้งหลาย ให้ละวางให้หมด ให้อโหสิกรรมแก่คนที่ทำให้ไม่สบายใจ ส่วนอะไรที่รู้สึกว่าเราทำไม่ถูก ล่วงเกินใครไว้ ก็ขอขมาด้วยเช่นกัน ถ้าทำได้ก็จะสบายใจ

          อย่าลืมนึกถึงสิ่งดีงามที่โยมได้ทำกับศาสนา ได้ทำกับผู้ที่มีพระคุณ เช่น พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ หรือที่เราได้ทำไว้กับภรรยา ลูกหลาน นี้เป็นบุญกุศลอันน่าภูมิใจที่จะไม่สูญเปล่า บุญกุศลเหล่านี้จะช่วยให้เราผ่านความทุกข์ไปได้และจะช่วยให้เราไปสู่ภพใหม่ด้วยความมั่นใจ บุญกุศลรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว ไม่ต้องห่วงข้างหน้า ให้ทำตอนนี้ให้ดีที่สุดคือทำใจให้เป็นกุศล ทุกลมหายใจของเราคือโอกาสที่จะทำความดี โอกาสที่จะทำบุญกุศล โอกาสที่จะปล่อยวางสิ่งต่างๆ ที่ยังคั่งค้างอยู่ เป็นโอกาสที่จะขอขมา ให้อโหสิกรรม ทั้งแก่คนที่รู้จักและไม่รู้จัก รวมไปถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เมื่อทำบุญแล้วก็แผ่ไปถึงทุกๆ คน รวมทั้งเจ้ากรรมนายเวรด้วย

          เดี๋ยวอาตมาจะทำสมาธิแผ่เมตตาให้โยม โยมนอนตามสบาย และขอให้เปิดใจรับกระแสแห่งเมตตาจากสมาธินี้ด้วย

          ทุกลมหายใจเข้าก็ดี ออกก็ดี ขอให้มีเมตตากับตัวเองด้วยนะ สังขารหรือร่างกายของเรา อย่าไปเผลอโกรธเกลียดเขา ว่าเขาทำให้เราเจ็บ ทำให้เราปวด ให้มีเมตตากับสังขารของเราเองด้วยว่าเขาก็พยายามอย่างเต็มที่สุดความสามารถที่จะช่วยบำบัดความทุกข์ความเจ็บความปวดให้หมดไป จึงขอให้แผ่เมตตาไปถึงสังขารร่างกายของเราทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ปอด กระเพาะ ลำไส้ ตับหรือไต แผ่เมตตาให้ทุกส่วน อย่างน้อยเขาก็ได้ช่วยให้เราได้มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ขอให้แผ่เมตตา อย่าให้เขาได้ทุกข์ทรมาน

          การแผ่เมตตาให้กับตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเรารักษาใจของเราให้มีเมตตาอยู่เสมอ อย่าให้ความโกรธความเกลียดขุ่นเคืองใจมาครองใจของเรา อันนั้นก็เป็นบุญกุศลเช่นกัน ในยามนี้ต้องอาศัยเมตตาด้วย แผ่เมตตาให้กับร่างกายของเรา แผ่เมตตาให้กับหัวใจ ปอด ตับ ไต ไส้พุงของเรา แผ่เมตตาให้กับใครก็ตาม ที่เคยทำให้เราขุ่นเคืองใจ แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง บุญกุศลอะไรที่ได้ทำเอาไว้หรือที่ได้ทำต่อไปก็แผ่ให้เขาไปด้วย อันนี้ก็เป็นบุญที่มีอานิสงส์มหาศาล

          ขอให้โยมมั่นใจว่าบุญนี้แหละที่จะเป็นที่พึ่งพาของโยมได้ อย่างอื่นเป็นส่วนประกอบ ตอนนี้ยังมีลมหายใจก็เป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญ ทุกขณะที่ยังมีลมหายใจก็ขอให้ทำบุญเรื่อยไป สร้างกรรมดีอยู่เรื่อยไป ถ้าทำอย่างนี้ได้การมานอนป่วยอยู่นี้จะไม่ใช่เป็นการมาใช้กรรม แต่เป็นการเอากรรมนี้แหละมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นการสร้างกรรมใหม่ที่ดีเป็นกุศล ขอให้ทำเรื่อยไป แม้ว่าร่างกายจะอ่อนแอแต่ใจเรายังมีกำลังสามารถทำอะไรได้มากมาย ถ้ามีความตั้งใจอย่างยิ่ง เราก็จะผ่านความลำบากความทุกข์ความเจ็บปวดไปได้ด้วยดี

          ทีนี้อาตมาจะสวดโพชฌงค์ให้โยมนะ โยมนอนฟังตามสบาย ทำใจให้เป็นกุศลพิจารณานึกถึงพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นที่มาของบทสวดมนต์นี้ด้วยก็ได้ นึกถึงพระอรหันต์ทั้งหลายที่เป็นที่มาของบทสวดมนต์นี้ จะได้ช่วยให้บรรเทาจากโรค

          อาตมาได้พูดมาตั้งแต่ต้นขอพิจารณาตามไปด้วย นั่นคือให้ระลึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำเอาไว้ ที่ได้ทำกับพระศาสนาก็ดี ที่ได้ทำกับผู้มีพระคุณ พ่อแม่ ลูกหลาน ภรรยา มิตรสหายก็ดี ขอให้มั่นใจในบุญกุศลเหล่านั้นว่าจะช่วยเราได้ ขณะเดียวกันทุกโอกาสที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ให้ระลึกว่าเรายังสามารถสร้างบุญกุศลได้ ด้วยการให้ทานก็ดี ด้วยการแผ่เมตตาก็ดี ด้วยการปล่อยวางสิ่งที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจก็ดี อันนี้แหละจะทำให้โยมผ่านพ้นความทุกข์ความเจ็บความปวดได้

ที่มา: