Error message

Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

Tomorrow (๑)

-A +A

           ภาพยนตร์ชุดเรื่องเยี่ยมของญี่ปุ่น นำเสนอเรื่องราวการฟื้นฟูโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งในหลากหลายแง่มุม ทั้งในมิติความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน และความมีส่วนร่วมของชุมชน แต่ละตอนสอดแทรกด้วยเหตุการณ์น่าสนใจมากมาย บางตอนเป็นเรื่องราวการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่งดงามและให้แง่คิดอย่างนึกไม่ถึง อยู่นอกขอบเขตการถกเถียงแลกเปลี่ยนกันอยู่ในสังคมไทย ทุกบททุกตอน เมธาวี เลิศรัตนา จะนำพาผู้อ่านไปรู้จักกับภาพยนตร์ดังกล่าวอย่างชิดใกล้เสมือนได้ดูด้วยตัวเองเลยทีเดียว

 

           ศัลยแพทย์หนุ่ม “โมริยามา โคเฮ” ละทิ้งชีวิตหมอผ่าตัดไปแปดปี หนีมาเป็นพนักงานเทศบาลอยู่ในเมืองเล็กๆ ริมทะเล หลังจากเกิดการรักษาผิดพลาดจนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต หากชะตาก็ผกผันให้เขาต้องตะโกนก้องประกาศออกมาว่า “ผมเป็นหมอครับ” เพราะเห็นภาพพยาบาลสาวผู้อุทิศตน ไอโกะ ทานากะ ลงมือเจาะคอคนไข้ทั้งที่ขาดความรู้ความชำนาญ แล้วหลังจากนั้น เขาก็กุมมืออันสั่นเทาด้วยความกลัวของเธอไว้อย่างปลุกปลอบ เสมือนหนึ่งกุมมือกันเดินหน้าเข้าสู่การแก้ไขปัญหาฟื้นฟูโรงพยาบาลชุมชนนิชิยามามูโรร่วมกัน

 

ตอนที่ ๑ สาธารณสุขเพื่อประชาชนหรือเงิน

           ปัญหาใหญ่ของโรงพยาบาลชุมชนนิชิยามามูโร ก็คือ ผลขาดทุนสะสม (สามหมื่นล้านเยน) และการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เพราะงานหนักแต่ผลตอบแทนต่ำ ทางรองนายกเทศมนตรี จึงได้มอบหมายให้ศัลยแพทย์สาวมือวางอันดับต้นๆ ของประเทศ เอนโดะ ซายะ เข้ามายึดอำนาจการบริหาร แล้วประกาศนโยบายที่จะยกเลิกให้บริการสาธารณสุขทั่วไปกับประชาชน (ปิดแผนกอายุรกรรม นารีเวช กุมารเวช ฯลฯ) ซึ่งไม่ทำเงิน เปลี่ยนมาสร้างศูนย์การแพทย์เฉพาะทางอย่าง ประสาทวิทยาและโรคหัวใจ ที่ทำกำไรแทน 

           เอนโดะจึงรับบทเสมือนหนึ่งเป็นนางมารร้ายในช่วงแรกๆ เธอถูกตั้งคำถามว่า “คุณเป็นหมอหรือเป็นที่ปรึกษาด้านบริหารธุรกิจ” นั่นทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำรำพึงที่เคยได้ยินมาว่า “ถ้าเราเอาหมอมาเป็นผู้บริหาร เราก็จะเสียหมอดีๆ ไปคนหนึ่ง แล้วได้ผู้บริหารห่วยๆ มาคนหนึ่งแทน” อย่างไรก็ตาม เสน่ห์อีกอย่างของภาพยนตร์ญี่ปุ่นชุดนี้ ก็คือ การไม่มีผู้ร้าย และหลักใหญ่ของการนำเสนอ ก็คือ ความเป็นชุมชน ทั้งความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงอันแนบแน่นระหว่างชุมชนกับปัจเจกบุคคล โดยผ่าน “ความสัมพันธ์” และปมทางจิตวิทยา

 

ตอนที่ ๒ เมื่อชีวิตซื้อได้ด้วยเงิน

           แน่นอนว่าคนที่ต่อต้านการทำงานของหมอเอนโดะ ด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันท่วมท้น ก็คือ พยาบาลไอโกะ ขณะที่โมริยามายังมองว่าเอนโดะจำเป็นต้องดูแลด้านการเงินเพื่อให้โรงพยาบาลเปิดบริการประชาชนต่อไปได้ เขาพยายามที่จะหาทางออกร่วมกันตามแผนฟื้นฟู แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าน้องสาวคนเดียวของไอโกะป่วยกระทันหัน จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดสมองด่วน ภายใต้วิกฤตของโรงพยาบาลที่ขาดความพร้อม เอนโดะบอกว่า เธอยินดีจะช่วยเหลือ (ด้วยการแนะนำไปยังศูนย์การแพทย์ที่ทันสมัยซึ่งน่าจะช่วยได้เต็มที่) แต่ไอโกะจะต้องยอมรับก่อนว่า “ชีวิตคนซื้อได้ด้วยเงิน” 

           แต่อย่างไรก็ตามที ในที่สุดเธอก็ลงมือผ่าตัดให้น้องสาวไอโกะด้วยตัวเอง เพราะโมริยามาบอกเธอว่า “ถ้าคนไข้ยังไม่ยอมแพ้ คนเป็นหมอก็ไม่มีสิทธิที่จะยอม” แล้วเมื่อการผ่าตัดสำเร็จลงด้วยดี เอนโดะก็บอกว่าไอโกะว่า “เธอรู้หรือเปล่า ค่าตัวของชั้นในการผ่าตัดแต่ละครั้งน่ะ แพงมากนะ” ขณะที่ทุกคนต่างเข้ามารุมปลอบโยนว่าไม่ต้องกลัว ที่นี่คือโรงพยาบาลชุมชน ค่ารักษาพยาบาลจึงไม่แพง

 

 

ตอนที่ ๓ เมื่อความลับถูกเปิดโปงและสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก

           เอนโดะสั่งเครื่องไตเทียมมาเพื่อเปิดแผนกฟอกล้างไตให้โมริยามาควบคุม แล้วมอบหมายงานดึงผู้ป่วยเข้ามาล้างไต ด้วยผู้ป่วยแต่ละรายต้องจ่ายเงินให้ โรงพยาบาลสูงถึงปีละห้าล้านเยน เธอจึงสั่งให้เขาไปต่อรองตามคลินิก ยอมจ่ายเงินใต้โต๊ะให้สูงกว่าโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นคู่แข่งนับเท่าตัว โดยตั้งเป้าว่าหากมีรายรับมากขึ้น ก็จะสามารถจ้างหมอเก่งๆ มาประจำได้ โมริยามารู้สึกกังวลใจเพราะเขาเป็นหมอ ไม่ใช่นักขายที่จะไปดึงลูกค้าใครมา ทั้งไอโกะก็แสดงทีท่าผิดหวังในตัวเขาอย่างชัดเจน เธอมองว่าเขาจะเป็นผู้มาเปลี่ยนแปลง แต่ก็คงไม่ใช่หากไปทำตามนโยบายของเอนโดะ 

           ในเวลาเดียวกัน ผู้ป่วยส่วนหนึ่ง อย่างเช่นลุงแก่ๆ ที่ยังต้องทำมาหาเลี้ยงชีพรายหนึ่ง มีปัญหาความสัมพันธ์กับลูกชาย จึงไม่สามารถมาล้างไตสม่ำเสมอตามกำหนดได้ ทำให้สุขภาพแย่ลงจนถึงขั้นไตวาย โมริยามาบอกว่า เขาอยากทำการปลูกถ่ายไตที่ได้รับจากญาติผู้ป่วย แม้จะเป็นเรื่องผิดจรรยาบรรณก็ตาม 

           ทั้งเขาและไอโกะต้องเข้าไปช่วยปรับความสัมพันธ์กับลูกชายของลุงคนนี้ จนกระทั่งเขายอมสละไตให้พ่อ การรักษาทั้งร่างกายและจิตใจดูเหมือนว่าจะเป็นไปด้วยดี แต่เอนโดะก็ตั้งคำถามกับโมริยามาได้อีกว่า “การใส่ใจทุ่มเทเป็นพิเศษกับคนไข้รายเดียว ทำให้เกิดการละเลยคนป่วยส่วนใหญ่” ซึ่งโมริยามาก็ตอบว่า เขาจำได้เสมอว่าในโรงเรียนแพทย์ก็สอนมาอย่างนั้น ว่าให้มองที่ส่วนใหญ่ แต่เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เขาไม่ค่อยอยากเป็นหมอ เขาอยากทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากเผชิญหน้ากับผู้ป่วยโดยตรง การฟื้นฟูโรงพยาบาลนั้นมีความสัมพันธ์ของหมอกับผู้ป่วยเป็นหลักอยู่ไม่ใช่หรือ! 

           เอนโดะรู้สึกว่าโดนโมริยามาท้าทาย เธอจึงขู่จะเปิดโปงเขาเรื่องการรักษาที่ผิดพลาดเมื่อแปดปีก่อน ว่าคนที่เสียชีวิตคือ อดีตพยาบาลที่เป็นหลักของโรงพยาบาลแห่งนี้ และเป็นแม่ของไอโกะ ซึ่งทำให้โมริยามาต้องยอมทำตามนโยบายของเธออย่างไม่มีข้อแม้

 

ตอนที่ ๔ ผู้ทำร้ายและเหยื่อ

           เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดช่วงหนึ่งของโรงพยาบาลเมื่อผู้ป่วยที่รักษานานๆ อย่างคนแก่ หรือเด็กไร้ญาติ จะต้องถูกไล่ หรือขอร้องให้ออกจากโรงพยาบาลเพราะไม่มีงบประมาณในการเลี้ยงดู โดยเอนโดะคิดว่า จะส่งเด็กไปสถานสงเคราะห์ ส่วนคนแก่ก็ปัดให้สมาคมผู้สูงอายุรับไปดูแล 

           แต่โมริยามาก็ไปผูกพันกับคุณยายคนหนึ่ง เขาติดตามดูว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้วจะไปไหน เธอไม่มีที่จะกลับไป ไม่มีบ้าน เขาจึงรับคุณยายมาที่ห้องพัก พูดคุยกับเธอ คลี่คลายความทุกข์ในใจเรื่องความสัมพันธ์กับไอโกะ ซึ่งแรกทีเดียว เขาไม่พร้อมเผชิญหน้าและคิดจะหนีจากเมืองนี้ไปอย่างเงียบๆ เช่นเดียวกับคุณยายที่ไม่มีทางไป แล้วคิดจะโดดน้ำตายจบชีวิตตามสามี 

           เมื่อเรื่องราวของคุณยายถูกเปิดเผย คนในชุมชนต่างพร้อมใจกันบริจาคข้าวของเครื่องใช้ หัวหน้าพยาบาลช่วยหาบ้านเช่าราคาถูกให้คุณยายได้เริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง 

           โมริยามาบอกกับไอโกะว่า เขาต่างหากที่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณยาย เพราะการพูดคุยในคืนนั้นทำให้เขาตัดสินใจได้ว่าจะเผชิญหน้า บอกความจริงกับเธอว่า คนที่รักษาแม่เธอผิดพลาดจนเสียชีวิตไปนั้น ก็คือ ตัวเขาเอง เขาจะไม่หนีอีกแล้วไม่ว่าจะต้องเจ็บปวดสักเพียงไหนก็ตาม

 

 

ตอนที่ ๕ สารภาพด้วยน้ำตา ความผิดพลาดทางการแพทย์ปิดผนึกได้ด้วยรอยยิ้ม

           หมออาดาจิ ศัลยกรรมรุ่นน้องร่วมสถาบันกับโมริยามาเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลนิชิยามามูโร ในตอนเปิดตัว ดูเหมือนหมออาดาจิจะดูถูกโมริยามา โดยเขาใช้คำว่า “มาหาความงดงามอะไรในโรงพยาบาลที่กำลังจะเจ๊งแห่งนี้” กล่าวหาว่าโมริยามาโง่เง่ากับอุดมการณ์ที่ว่า “ไม่อยากเป็นหมอที่หักหลังความไว้วางใจของผู้ป่วย” แต่กลับลาออกเพราะผู้ป่วยเสียชีวิตแค่คนเดียว ซึ่งอาดาจิมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมาก และหากหมอทุกคนคิดเหมือนโมริยามา เกาะญี่ปุ่นก็คงไม่เหลือหมอสักคนเดียวแล้ว 

           การมาของอาดาจิจึงดูเหมือนมาซ้ำเติมความเจ็บปวดของโมริยามาที่กำลังสั่นไหวไปพร้อมกับอารมณ์ความรู้สึกของไอโกะ แต่เรื่องก็เริ่มคลี่คลายเมื่อโมริยามารู้ถึงเหตุที่อาดาจิยอมมาทำงานในโรงพยาบาลชุมชนที่ห่างไกลแห่งนี้ ทั้งที่เขาดูจะเป็นหมอหนุ่มที่มีอนาคตไกล เพราะเขาไม่สามารถจับมีดผ่าตัดได้ ทุกครั้งที่จับ มือจะสั่นไม่หยุด เขาจึงต้องเลี่ยงการผ่าตัดโดยให้คนอื่นทำแทน แล้วคอยให้คำแนะนำหรือวินิจฉัยเท่านั้น 

           ตอนนี้ ผู้เขียนเดาว่าพฤติกรรมก้าวร้าวของอาดาจิคงเป็นความรู้สึกผิดลึกๆ ที่ถูกแสดงออกมาจากระดับจิตไร้สำนึกของเขาเอง เพราะตอนที่โมริยามารู้ความลับนี้ อาดาจิถึงกับร้องไห้โฮ แล้วพูดว่า คนที่หนีความจริงไปแปดปีอย่างโมริยามาจะเข้าใจอะไรได้ แต่โมริยามาก็สามารถแก้ปมปัญหาภายในของอาดาจิได้ ทำให้มือหยุดสั่น 

           ก่อนที่อาดาจิจะกลับไปเป็นศัลยแพทย์ที่มีอนาคตอีกครั้ง เขาได้มอบกล่องเก็บภาพถ่ายของคนไข้ในความดูแลของโมริยามาส่งให้ไอโกะที่ยังทำใจเรื่องแม่ไม่ได้ แม้เธอจะรู้ว่าความตายของแม่ไม่ใช่ความผิดของโมริยามาโดยตรงก็ตามที แต่เมื่อในกล่องใบนั้นมีรูปแม่ซึ่งยิ้มอย่างร่าเริงบนเตียงคนไข้ โดยมีโมริยามาหมอหนุ่มเป็นเพื่อนพูดคุยและถ่ายภาพเก็บไว้ เธอจึงรู้ว่าแม่ไม่ได้เหงาและตายอย่างเดียวดายเหมือนที่เธอเคยเข้าใจ (ในฝันของเธอ แม่ไม่เคยยิ้มเลย) แม่มีเพื่อน คือโมริยามา เธอจึงคิดว่าเธอสามารถให้อภัยเขาได้ แล้วขอให้เขาให้อภัยตัวเองด้วย

คอลัมน์: