ตั้งใจมาทำงานจิตอาสา โดยเลือกกิจกรรมทำอาหาร
เพราะคิดว่าอาหารเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้ใครสักคนมีชีวิตที่ดีต่อไป
อย่างน้อยก็ได้ทานอาหารดีๆ หนึ่งมื้อ
มาถึงภายในงานแต่เช้า พบว่าบรรยากาศสงบมาก เลยลองนั่งสมาธิดูสักพัก
แต่นั่งแล้วเกิดความคิดในหัวเต็มไปหมด ไม่สงบเลยสักนิด จึงใช้วิธีกำหนดรู้ไปเรื่อยๆ
ถึงเวลาเรียกรวมตัวกัน มีการทำกิจกรรมหลายอย่างก่อนจะได้ทำงาน รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร
คิดอยู่ในใจว่า "เพราะอะไรถึงต้องมีพิธีรีตองนัก อยากลงมือทำงานเร็วๆ แล้ว"
ถึงตอนทำงานจิตอาสา ก็สัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดของตัวเอง
เริ่มจากการแกะปลาทู
เวลาแกะก้างซึ่งมีความแข็งติดกับเนื้อปลา แล้วแกะไม่ออก เราจะแอบหงุดหงิดในใจ
แต่พอนึกได้ว่าเรากำลังหงุดหงิด ความรู้สึกนั้นก็หายไป
แกะปลาเสร็จ มาประดิษฐ์มะม่วงกุหลาบต่อ
เห็นได้ชัดเลยว่าช่วงนี้ใจร้อนและความอดทนต่ำมาก ทำไปเดี๋ยวก็หักบ้าง หลุดบ้าง
ทำไม่สำเร็จสักอัน จนคิดจะเลิกแล้วไปทำลูกชุบแทน
แต่เสียงในใจอีกเสียงลอยมาว่า "ลองดูก่อน ลองดูใหม่ ใจเย็นๆ" สุดท้ายสำเร็จจนได้
รู้เลยว่าไม่มีอะไรยิ่งไปกว่าความเพียร มีสติ และใจเย็นแล้ว
ใจเย็นได้สักพัก เห็นจิตอาสาคนอื่นมายืนดูเฉยๆ
เราก็เลยพูดว่า "อย่ามัวแต่มองเลย เหลืออีกเยอะ มาช่วยกันทำดีกว่า" ไปว่าเขาซะงั้น
ใจเรานี่มัน ... นอกจากไม่พอใจตัวเองแล้ว ยังไม่พอใจคนอื่นด้วย
บทเรียนที่ได้รับคือ ไม่มีอะไรแน่นอน แม้กระทั่งอารมณ์ของเรา จงมีความรู้สึกตัวทุกชั่วขณะ
การส่งจิตออกนอก มีแต่ทำให้สถานการณ์แย่ลง ...
เดี๋ยวคนนี้ทำสวยกว่า คนนั้นตั้งใจทำก็ชื่นชม คนนี้ไม่ตั้งใจทำก็ไม่สบอารมณ์
แต่ลืมหันมาดูตัวเองว่า แล้วเราล่ะทำดีหรือยัง
--
บันทึกจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม "รวมมิตรจิตอาสา : ทำอาหารสุขภาพให้เด็กและสตรีบ้านพักฉุกเฉิน"
10 พฤษภาคม 2558 สวนโมกข์กรุงเทพ